การบูรณาการนวดแผนไทยโบราณให้เข้ากับปัจจุบันสมัยใหม่ใน 3 รูปแบบต่างๆ
ปัจจุบันการนวดแผนไทยได้บูรณาการมาใช้ร่วมกับการแพทย์สมัยใหม่ใน 3 รูปแบบ ตามสรรพคุณ คือ1. นวดเพื่อสุขภาพ เป็นการนวดเพื่อความผ่อนคลาย บำรุงสุขภาพ ทำให้สดชื่น กระฉับกระเฉง ดังเช่นสถานบริการนวดทั่วไป สปาต่างๆ เป็นการนวดที่มีให้บริการมากที่สุดในปัจจุบัน 2. นวดเพื่อการบำบัดรักษา ซึ่งได้ผลดีมากสำหรับคนไข้ที่มีอาการปวดเรื้อรังของระบบกระดูก และกล้ามเนื้อ เช่น ปวดหลัง ปวดคอ เรื้อรัง สะบักจม ไหล่ติด รวมถึงนวดรักษาไมเกรน เป็นต้น และ 3. นวดเพื่อการฟื้นฟูสรรถภาพ เป็นการนวด เรียนนวด เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัว เช่น คนไข้ที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายไม่ว่าจะเป็นระบบข้อต่อ กล้ามเนื้อ รวมถึงระบบไหลเวียนให้ฟื้นตัว ซึ่งในมุมมองของแพทย์สมัยใหม่เชื่อว่าการนวดแบบนี้ช่วยลดการเกร็งของกล้ามเนื้อได้ และยังช่วยให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัว และลดอาการเครียดของผู้ป่วยเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
ส่วนลูกประคบ ที่ใช้ในประเทศไทย ซึ่งนิยมใช้สมุนไพรที่ใช้ในการบำบัดรักษาโรคมายาวนาน โดยได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียโบราณการใช้สมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคของไทยมีพื้นฐานมาจากวิชาอายุรเวทของอินเดียและถูกถ่ายทอดสู่สังคมไทยโดยพระภิกษุสงฆ์ผู้จาริกแสวงบุญถึงแม้ยาสมุนไพรพื้นบ้านจะกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัย แต่ทฤษฎีการบำบัดรักษา ในด้านศาสตร์การแพทย์แผนโบราณของไทยนั้น มีการใช้ลูกประคบ ซึ่งเป็นการนำสมุนไพรชนิดต่างๆมารวมใส่ในห่อผ้าขาว แล้วมัดให้เป็นก้อนกลมจากนั้นนำไปนึ่งให้ร้อนแล้วใช้กดทับไปตามจุดต่างๆของร่างกายโดยเฉพาะในบริเวณหลังที่แข็งเกร็ง หรือข้อต่อส่วนต่างๆเพื่ออาศัยความร้อนของลูกประคบ กับสมุนไพรที่อยู่ในห่อลูกประคบนั้นช่วยในการบำบัดอาการปวดเมื่อยหรือการเจ็บปวดเฉพาะที่ได้
และในปัจจุบัน เมื่อธุรกิจสปากำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในด้านวิชาการด้านการใช้สมุนไพรพื้นบ้านของไทยจึงกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งและกลายเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาของประเทศไทยในยามที่กระแสความนิยมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสมุนไพรที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภค คนไทยเป็นจำนวนมากจนกลายเป็นกระแสนิยมสูงสุด
